นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) บริษัทในเครือธนาคารกสิรกไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัท ทีทูพี จำกัด (T2P) ซึ่งเป็นฟินเทคที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ยาวนานในการให้บริการโซลูชันธุรกรรมการเงินอย่างครบวงจรแก่ลูกค้าภาคองค์กรธุรกิจแบบ B2B2C โดยที่ Beacon VC ได้ขอวงเงินลงทุนเพิ่มจากธนาคารกสิกรไทยในการลงทุนใน T2P ซึ่งได้เข้าเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ใน T2P เพื่อนำบริการ และ Ecosystem จาก T2P มาต่อยอดในการขยายบริการ e-wallet ของธนาคารกสิกรไทย
โดยเป้าหมายสำคัญในการร่วมลงทุนใน T2P การเสริมจุดแข็งให้กับธนาคารกสิกรไทยในธุรกิจอี-วอลเล็ตเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรซึ่งเป็นฐานธุรกิจที่ธนาคารให้ความสำคัญ โดยเป็นการผสานความแข็งแกร่งของธนาคารด้านธุรกิจการเงิน ด้วยฐานจำนวนลูกค้ารายย่อยที่มีอยู่กว่า 20 ล้านราย และโครงสร้างเทคโนโลยีการเงิน ร่วมกันกับศักยภาพและความเชี่ยวชาญของทีมงานทีทูพีในการพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลธุรกิจและการเงินเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานอย่างไร้รอยต่อตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่กระบวนการสมัคร การทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร การรับ-จ่ายเงิน ด้วยต้นทุนบริหารจัดการที่แข่งขันได้
ทั้งนี้ปัจจุบัน T2P เป็นผู้ให้บริการโซลูชันธุรกรรมการเงินอย่างครบวงจรแก่ลูกค้าภาคองค์กรธุรกิจแบบ B2B2C เช่น ระบบชำระเงิน โอนเงิน White Label Wallet เพื่อให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่านตามช่องทางที่หลากหลายทั่วประเทศ โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 70% โดยแพลตฟอร์มของ T2P ให้บริการกับลูกค้าบริษัทชั้นนำกว่า 30 แห่ง และลูกค้ารายย่อยกว่า 9 ล้านบัญชี
โดยนางสาวศุภนีวรรณ จูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยผลักดันการนำดิจิตอล โซลูชัน (Digital Solution) เข้ามาพัฒนาบริการการเงินให้กับลูกค้าองค์กรและเครือข่ายลูกค้าตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ โดยกลยุทธ์ในการพัฒนาโซลูชันการเงินเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการร่วมลงทุนครั้งนี้ใน 3 ด้าน ได้แก่ พัฒนาศักยภาพ e-wallet ที่สามารถนำมาใช้ได้ในลักษณะ B2B2C เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าองค์กรของธนาคาร อีกทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรกรรมการเงินระหว่างธนาคาร e-wallet และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรของ T2P ที่มีจำนวนกว่า 30 องค์กร ซึ่งมีฐานลูกค้ารายย่อยขององค์กรรวมกว่า 9 ล้านบัญชี
สำหรับการพัฒนา API เพื่อเชื่อมต่อบริการการเงินต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทยกับลูกค้าในรูปแบบ B2B2C ของธนาคารได้ โดยให้บริการ e-wallet ในรูปแบบ White Label ซึ่งเป็นจุดแข็งของทีทูพี เช่น เติมเงิน ชำระเงิน และถอนเงิน ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครันมากขึ้น และการนำโครงสร้างเทคโนโลยีของ e-wallet เสริมศักยภาพบริการสินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) ที่มีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยธนาคารมองว่าการปรับใช้เทคโนโลยีของ T2P ในมุมของการควบคุมการใช้จ่ายสินเชื่อผ่านช่องทางหรือร้านค้าที่กำหนดและถูกต้องตามวัตถุประสงค์ รวมถึงเป็นตัวช่วยในการตัดชำระรายการสินเชื่อคงค้างด้วย
“สิ่งสำคัญที่ธนาคารได้เห็นความสำคัญให้ Beacon VC เข้าไปลงทุนใน T2P เพราะเรามองถึงการต่อยอดบริการจากลูกค้าองค์กรของเราที่ต้องการพัฒนา e-wallet เป็นของตัวเอง สามารถให้ T2P เข้ามาช่วยพัฒนาให้กับลูกค้าองค์ของ KBANK อีกทั้งเรายังมองถึงประสบการณ์ในการใช้บริการของ e-wallet ที่เชื่อมเข้ามากับ mobile app K+ ของเราที่ไร้รอยต่อ สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และจะเลือกใช้บริการของ KBANK เป็นที่แรก ทำให้เราช่วยเพิ่มฐานลูกค้าได้มากกว่าขึ้น ซึ่งปัจจุบัน K+ มีฐานลูกค้า 20 ล้านราย จากระบบที่มีกว่า 70 ล้านราย และต่อยอดบริการทางการเงินด้านสินเชื่อให้กับลูกค้าของที่ใช้บริการ e-wallet ใน Ticket ที่ไซส์เล็กลง และช่วยให้เราลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้ได้ เพราะเราเห็นข้อมูลในการใช้เงินใน e-wallet นั้นๆว่าพอลูกค้าขอสินเชื่อไปแล้ว เราก็รู้ว่าลูกค้านำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์นั้นๆ จริงไหม ทำให้เราปล่อยสินเชื่อได้มั่นใจขึ้น” นายธนพงษ์ กล่าว
ด้านนายทวีชัย ภูรีทิพย์ ประธานบริหาร และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีทูพี จำกัด กล่าวว่า T2P ได้พัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชั่นเงินอิเล็กทรอนิกส์มาตั้งแต่ปี 54 เพื่อสร้างแพลตฟอร์มวอลเล็ตที่ครบวงจรซึ่งตอบโจทย์ทั้งธุรกรรมการเงินและธุรกรรมต่อเนื่องเพื่อเสริมความสัมพันธ์ลูกค้า ระบบที่บริษัทพัฒนาขึ้นถูกออกแบบเพื่อทำงานร่วมกับระบบของคู่ค้า จึงทำให้ได้รับการตอบรับในกลุ่มลูกค้าองค์กรชั้นนำเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในอีโค่ซิสเท็มของการชำระเงินสำหรับองค์กรต่างๆ
โดยปัจจุบันการเติบโตของการใช้บริการ e-wallet และบริการด้าน Loyalty program จากลูกค้าองค์กรมีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการที่กลุ่มลูกค้าองค์กรได้เล็งเห็นถึงการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง และสามารถทำให้ลูกค้าเข้ามาอยู่ใน ecosystem องค์กร สามารถนำข้อมูลจากการใช้บริการของลูกค้ามาออกแบบสินค้าและบริการ รวมถึงการทำโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยที่ลูกค้าองค์กรที่สนใจในการพัฒนา e-wallet สามารถเข้ามาปรึกษาในการพัฒนาร่วมกับ T2P และมีการคิดค่าบริการเป็นรายเดือน โดยปัจจุบันบริการ Deep wallet ของ T2P มีปริมาณธุรกิตเติบโต 70% หรือคิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านบาท และมีจำนวนบัญชีกว่า 4 ล้านบัญชี หรือเติบโต 80% และ Deepblok wallet ด้าน Loyalty มีปริมาณธุรกรรมโต 120% หรือคิดเป็นมูลค่า 7.5 พันล้านบาท และมีจำนวนบัญชีโต 90% หรือมีจำนวน 4.5 ล้านบัญชี
ดังนั้นการได้รับการสนับสนุนครั้งนี้จากธนาคารกสิกรไทยผ่าน Beacon VC เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทขึ้นไปอีกขั้น เพื่อรองรับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของลูกค้าองค์กรธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยที่มีสมาชิกใช้บริการเป็นจำนวนมาก และทำให้สมาชิกเหล่านั้นเข้าถึงบริการด้านระบบการเงินยุคใหม่ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายเล็กๆได้มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ยังเพิ่มศักยภาพการรองรับดิสรัปชัน (Disruption) ของเทคโนโลยีด้านการเงินด้วยการพัฒนาและขยายบุคคลากรด้านไอทีของบริษัทให้มีความพร้อมสร้างสรรค์ไอเดียและตอบรับนวัตกรรมใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“การที่ T2P ได้เข้ามาร่วเป็นส่วนหนึ่งมนการต่อยอดบริการทางเงินกับกสิกรไทย จะเป็น First Step ที่ทำให้ลูกค้ารายเล็กๆเข้ามาสร้างประสบการณ์ในการใช้บริการของธนาคารกสิกรไทยได้” นายทวีชัย กล่าว
โดย T2P เป็นธุรกิจที่ Beacon VC เข้าลงทุนลำดับที่ 18 โดยที่บริษัทได้รับเงินลงทุนรวมจากธนาคารกสิกรไทยรวม 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้ใช้ลงทุนไปแล้ว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะใช้ลงทุนทั้งหมดภายใน 2 ปี โดยที่ในปี 65 บริษัทได้เข้าลงทุนไปแล้ว 2 ดีล คือ Robowealth และ T2P และยังมีดีลอื่นๆที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา