เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ส.ค. 64 ที่ลานอเนกประสงค์คอซู้เจียงหน้าที่ทำการเทศบาลเมืองระนอง นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ศรชล. และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปล่อยแถวรถเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบตามท้องถนน แหล่งชุมชนในพื้นที่ อ.เมืองระนอง หลังจากที่ก่อนหน้าที่ทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 มีความเห็นร่วมกันที่จะประกาศใช้เคอร์ฟิวในวันที่ 21 สิงหาคม 64 โดยมีข้อสรุปร่วมกันว่า จะประกาศเคอร์ฟิวในวันที่ 21 สิงหาคม 64 โดยห้ามประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ส่วนร้านค้าสถานประกอบการ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ให้ปิดตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้นในการแพร่ระบาด แต่พอถึงเวลาจริงกลับมีการแก้ไขจากเคอร์ฟิวเป็นเพียงการขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนชาวระนองและแรงงานต่างด้าว
คืนแรกที่เริ่มปฏิบัติการขอความร่วมมือ จากการออกสำรวจในหลายพื้นที่ ทั้งแหล่งชุมชน บ้านเรือนประชาชน ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ผู้ขับรถสัญจรไปมาได้ให้ความร่วมมือเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบ้างเพียงเล็กน้อยที่ออกมาในเวลาดังกล่าวเพราะไม่ทราบว่าจังหวัดมีประกาศออกมา ซึ่งในวันแรกเจ้าหน้าที่ได้ทำการตักเตือนพร้อมอธิบายถึงเหตุที่ต้องขอความร่วมมือในการงดออกมากลางคืน เพื่อไม่ให้เกิดการรวมกลุ่ม โดยพาะกลุ่มคนบางกลุ่มที่จะออกมารวมตัวเที่ยวดื่มกินในเวลากลางคืน
แต่ผลจากการออกมาตรการดังกล่าว ไม่ได้อธิบายถึงข้อยกเว้นในบางเรื่องในการออกมาดำเนินชีวิตของประชาชนที่ทำมาหากินอย่างถูกต้อง เช่น กรณีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ที่ต้องจัดเตรียมสินค้าในการบรรจุถุงเพื่อค้าส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดระนองและจังหวัดใกล้เคียงรวมไปถึงการจัดส่งไปยังจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา ต่างก็ได้รับความเดือดร้อน เช่น การขนส่งผักสดมาจากตลาดพื้นที่ภาคกลาง จะมาถึงตลาดค้าในตัวเมืองระนอง เวลาประมาณเวลา 24.00-02.00 น. บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องมารอบรับรถส่งสินค้า เพื่อนำมาบรรจุแยกประเภทตามที่ลูกค้าสั่งเพื่อเตรียมส่งต่อในช่วงเช้า ซึ่งแต่ละครั้งเวลาที่ใช้ตั้งแต่รถขนส่งสินค้าหลากหลายประเภท มาถึงต้องใช้เวลาในการลงสินค้า คัดแยกสินค้า เตรียมสินค้าให้กับลูกค้าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมง หากไม่มาสามารถออกมารับสินค้าและจัดเตรียมจำหน่ายได้ สินค้าก็จะเสียหายส่งให้กับลูกค้ารายย่อยที่จะนำไปขายต่อ หรือส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านไม่ทันตามที่เรือขนส่งสินค้ามีการกำหนดมาตรการเวลาเข้า-ออก
ส่วนใหญ่จึงมองว่าการขอความร่วมมือ ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา แต่เป็นการซ้ำเติมประชาชนทุกอาชีพที่ต้องทำมาหากิน หากอยากป้องกันก็ควรให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจใครทำผิดก็ให้ดำเนินคดีเป็นรายๆ หรือกลุ่มๆ ไม่ใช่เหมารวมแบบนี้ทุกวันนี้ประชาชนก็เดือดร้อนกันมากแล้วจังหวัดยังจะมาซ้ำเติมอีก โควิดทุกคนกลัวก็พยายามป้องกันแต่ใครไม่กลัวถ้าทำผิดก็จับไปดำเนินคดีไม่ควรมาเหมารวมเช่นเรื่องการแก้ปัญหาแบบขอไปทีอย่างนี้.