มาถึงตอนจบของการแนะนำกุนซือในไทยลีก 2 กันแล้ว ซึ่งครั้งนี้มีทั้งหมด 8 คน เนื่องจาก แกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ยังไม่มีการแต่งตั้งเทรนเนอร์ขึ้นมาคุมทีมต่อจาก รอยส์เตอร์ โมไรร่า ที่เพิ่งแยกทางกันไป ซึ่งจะมีใครกันบ้างนั้น เราไปดูกันเลย
เจษฏา จิตสวัสดิ์ (อยุธยา ยูไนเต็ด)
แม้ “โค้ชใหม่” สันติ ไชยเผือก จะพาทีมจบอันดับ 9 ในตาราง แต่เขาก็ไม่ได้รับการต่อสัญญาออกไป เนื่องจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้เข้ามาช่วย อยุธยา ยูไนเต็ด ในการทำทีมซีซั่นนี้ พร้อมกับส่งแข้งเยาวชนและกุนซือมาให้
นั่นคือ “โค้ชเจษ” เจษฎา จิตสวัสดิ์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย และตำนานของ “กิเลนผยอง” โดยเขาเองเคยผ่านการคุมทีมระดับเยาวชนของสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมกับ บางปะอิน อยุธยา เอฟซี และ อุดรธานี เอฟซี
การมาครั้งนี้ของอดีตแนวรับทีมชาติไทย เขาเองยังพา “เมสซี่เฟรม” ปัณณวัชร์ โชติจิรชัยธรณ์ ตัวเตะแนวรุกร่างเล็ก ไปเล่นให้กับทีม โดยจะเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสลงเล่นในไทยลีก 2
ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก (เชียงใหม่ เอฟซี)
หลังออกมาจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ไม่นาน ต้นปี 2020 “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาเทคนิคให้กับ เชียงใหม่ เอฟซี แต่เมื่อทีมไม่ประสบความสำเร็จแบบที่หวังในการไปเล่นรอบเพลย์ออฟไทยลีก 2
“โค้ชเบ๊” ได้ก้าวไปเป็นกุนซือคนใหม่ แทนที่ อำนาจ แก้วเขียว เพราะด้วยประสบการณ์ที่มากมายในการทำทีมในเมืองไทย โดย เริ่มคุมทีมโอสถสภา แล้วโยกมาคุมทีมชาติไทยชุด 23 ปี คว้าแชมป์แม่โขงคัพ
ตลอดจนยังคุมทีมอย่าง บางกอก เอฟซี, สระบุรี เอฟซี, ซุปเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการ เอฟซี, บีบีซียู, สุโขทัย เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี โดยเขาเองได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ทัพจอมพาทีมหนีตายในวงการลูกหนังไทยคนหนึ่ง
โรนัลด์ โบเร็ตติ (ชัยนาท ฮอร์นบิล)
นับเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกันที่ โรนัลด์ โบเร็ตติ หรือ “โค้ชรอนนี่” ยังคงทำงานในถิ่น เขาพลอง สเตเดี้ยม ซึ่งในซีซั่นก่อนถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย ในการพาทีมก้าวไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ ไทยลีก 2 แม้จะแพ้ให้ นครปฐม ยูไนเต็ด ก็ตาม
จุดเด่นของโค้ชระดับ ยูฟ่า เอ-ไลเซ่นส์ ชาวเยอรมัน รายนี้ คือการที่เขาให้โอกาสเยาวชนของสโมสรที่ขึ้นมาเล่นกับชุดใหญ่ นั่นทำให้ ชัยนาท ฮอร์นบิล กลายเป็นทีมที่รวมเหล่าดาวรุ่งฝีเท้าดีไว้ในมือ เพื่อต่อยอดความยั่งยืนได้
แม้อาจจะเป็นทีมที่ลงทุนไม่มากเหมือนก่อน แต่พวกเขากลับทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรดาดาวรุ่งที่เรียนรู้ระบบการเล่นสไตล์ “นกใหญ่พิฆาต” จากการซ้อมทุกวันของ “โค้ชเมธ” สุเมธ อยู่โต ผู้ช่วยโค้ชที่อยู่กับบรรดาอะคาเดมี่ของสโมสรมาตั้งแต่เริ่มต้น
อานนท์ บรรดาศักดิ์ (แพร่ ยูไนเต็ด)
ก้าวสู่ซีซั่นที่ 3 ของ “โค้ชหนุ่ม” อานนท์ บรรดาศักดิ์ ในการเป็นกุนซือของสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด หลังจากเขาเข้ามากุมบังเหียนตั้งแต่ซีซั่น 2018 ซึ่งถือว่าฝีไม้ลายมือใช้ได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะปีก่อนที่พาทีมเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจจะสู้ความเฉียบคมของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ไม่ได้ ทำให้ต้องพ่ายแพ้ไป ซึ่งขวบปีที่ 3 ของกุนซือดีกรีโปร ไลเซนส์ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย
เพราะเขาเองกำลังจะได้วัดฝีมือกับเทรนเนอร์ที่เจ๋งๆหลายคน แถมปีนี้ “ม้าคะนองศึก” ยังมี เดชา สอาดโฉม ที่มาเติมเต็มในแดนกลาง ผนวกกับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว กัปตันทีมมากประสบการณ์ที่ยังอยู่กับทีมนี้ต่อไป
ธงชัย สุขโกกี (นครปฐม ยูไนเต็ด)
เอกบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพให้กับ นครปฐม ยูไนเต็ด ในการกลับมาลุยไทยลีก 4 เมื่อ 4 ปีก่อน อีกทั้งยังควานหานักเตะด้วยการทดสอบฝีเท้า จนคว้าเพชรเม็ดงามได้มาหลายคน และสามาารถทะยานมาอยู่ในไทยลีก 2
การทำงานของ “โค้ชธง”ธงชัย สุขโกกี เขาใช้หลักในการให้โอกาสกับทุกๆคน นั่นทำให้แฟนบอลได้รู้จัก นันทวัฒน์ กกฝ้าย, จิรพันธ์ ผาสุขขันธ์, ธีรยุทธ งามละม้าย, ณัฐพล วรสุทธิ์ และอีกหลายคนที่เขาส่งลงไปเล่น แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นได้โยกย้ายออกไปหมดแล้ว
อดีตผู้รักษาประตู ธนาคารกรุงไทย รวมทั้ง ราชประชา มีดีกรีจบ บี ไลเซนส์ มาแล้วด้วย นั่นทำให้เขาเองมีความเข้าใจในการทำทีมเยอะพอสมควร แม้ว่าช่วงนี่ทีมอาจจะเจอกับวิกฤตโควิด-19 เล่นงาน จนทีมไม่ได้ซ้อมกันเลย อีกทั้งมีปัญหาสภาพการเงินจนบรรดาตัวหลักพาเหรดย้ายไปอยู่ทีมใหม่กว่าครึ่งค่อนทีมแล้ว อย่างไรก็ตามทางสโมสรก็ยังคงยืนยันว่าจะส่งแข่งต่อ ไม่มีทางขอพักทีมตามกระแสข่าวลือแน่นอน
เดนนิส อมาโต้ (สุโขทัย เอฟซี)
ตามหน้าประวัติศาสตร์ของ สุโขทัย เอฟซี นับตั้งแต่การก่อตั้งสโมสร ชื่อของ เดนนิส อมาโต้ ได้ถูกจารึกบนตักศิลาว่า เขาเป็นโค้ชต่างชาติรายที่สองต่อจาก ลูโบเมียร์ รีสตอฟสกี้ เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียร์ ที่คุมทีมในฤดูกาล 2019
การเข้ามาครั้งนี้น่าสนใจมากๆ เนื่องจากเขามีประสบการณ์ข้นคลั่กในการคุมทีมลุยไทยลีก 2 เพราะว่าเคยพา ชัยนาท ฮอร์นบิล ก้าวไปคว้าแชมป์เมื่อปี 2017 และล่าสุดก็พา เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นไปเล่นในลีกสูงสุดอย่างสง่าผ่าเผย
และการมาเป็นหัวเรือ “ค้างคาวไฟ”ครั้งนี้ เป้าหมายก็เหมือนเดิม คือ การพาทีมกลับไปเล่นในไทยลีก 1 ให้ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็มีปรัชญาที่จะปั้นดาวรุ่งที่มีอยู่ในทีม ให้สามารถขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมให้ได้อีกด้วย อันนี้แหละที่น่าติดตามอย่างมาก
สมชาย ชวยบุญชุม (ตราด เอฟซี)
ชื่อ “น้าฉ่วย”สมชาย ชวยบุญชุม จัดว่าเป็นบรมกุนซือที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเมืองไทย หลังจากเคยพา สมุทรสงคราม เอฟซี ขึ้นมาผงาดในไทยลีก 1 จนสร้างปรากฏการณ์ล้มทีมยักษ์ใหญ่มากมาย ทั้งที่เป็นเพียงทีมเบี้ยหอยน้อยที่งบประมาณสู้ทีมอื่นๆ ไม่ได้เลยก็ตาม
แถมเขายังเคยสร้างนักเตะทีมชาติไทย ตอนไปคุมทีมเยาวชน 19 ปี ทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, นิติพงษ์ เสลานนท์ และอีกมากมายในชุดดังกล่าว ซึ่งถือว่ากระหึ่มในวงการฟุตบอลเอเชียเวลานั้นอย่างมาก
ก่อนที่จะมารับตำแหน่งแม่ทัพ หนองบัว พิชญ เอฟซี ในฤดูกาล 2021/2022 พาทีมจบด้วยการเป็นแชมป์ลีกพระรอง ทะยานสู่ไทยลีก 1 แต่ไม่ได้คุมทีมต่อ ทำให้ ตราด เอฟซี เห็นฝีมือตรงจุดนี้จึงจัดการกระชากตัวมาคุมทีมทันที
คัมเบะ ซูกาโอะ (ระยอง เอฟซี)
เขาเป็นหนึ่งกุนซือที่พา ขอนแก่น ยูไนเต็ด เกาะกลุ่มหัวตาราง กระทั่งได้สิทธิ์ไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ แม้ว่าจะอยู่ไม่ทันส่งนักเตะถึงฝั่งอย่าง ไทยลีก 1 ก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ของเขาแล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้ ระยอง เอฟซี คว้ามากุมบังเหียน
ในฤดูกาลก่อน “จงอางผยอง” ตัดสินใจแยกทางกับ คัมเบะ ซูกาโอะ กุนซือใหญ่ชาวญี่ปุ่น เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าฤดูกาล 2020 จะยังเหลือโปรแกรมการแข่งขันอีกถึง 7 เกม แต่เขาเองก็ยังสามารถมัดใจความเข้าถึงนักเตะและรู้ใจ จนได้มาคุม “ม้านิลมังกร”
ขณะเดียวกันอดีตเทรนเนอร์ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, เชียงใหม่ เอฟซี, อุบล ยูเอ็มที, หนองบัว พิชญ เอฟซี และล่าสุดกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ดอก็วางเป้าหมายที่อยากจะพาทีมเลื่อนชั้นกลับไปเล่นในไทยลีก 1 ให้ได้ ในฤดูกาล 2022/2023