จากสถานการณ์ตึงเครียดในประเทศเมียนมาร์ ทำให้พื้นที่ตามชายแดนที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ต้องเตรียมพร้อมสถานที่เพื่อรองรับการอพยพเข้ามา
14 มีนาคม 25654 พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 /ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี/ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ว่ามีพื้นที่ติดพรมแดนประเทศเมียนมาร์อยู่ 4 อำเภอ 2 จังหวัด ประกอบด้วย 1.จ.ชุมพร มี 1 อำเภอคือ อ.ท่าแซะ จ.ระนอง มี 3 อำเภอ คือ อ.กะบุรี, อ.ละอุ่น และอ.เมือง
“ทั้ง4อำเภอ ใน 2 จังหวัดนี้ ได้มีการประสานงานกับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดหากมีการทะลักเข้ามาของคนเมียนมาร์เราจะมีขั้นตอนดำเนินการ”
โดยจะมีการแยกกลุ่มคนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกก็คือกลุ่มคนไทย กลุ่มที่สองคือ กลุ่มประชาชนเมียนมาร์และกลุ่มที่สาม คือ กลุ่มนำหรือนักการเมืองต่างๆ “ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะแยกออกจากกันเมื่อเข้ามา กลุ่มคนไทยก็จะแยกเข้าอีกที่หนึ่ง กลุ่มประชาชนเมียนมาร์ก็แยกอีกประเภทหนึ่ง กลุ่มของนักการเมืองกลุ่มผู้ก่อเหตุและหลบหนีเข้ามาก็อีกส่วนหนึ่ง”
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเราจะดำเนินการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม โดยเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราใช้พื้นที่ตามแนวชายแดนนั่นเป็นพื้นที่แรกรับ เป็นพื้นที่คัดแยก คอยดูแลจนกว่าประเทศเขาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ “เมื่อสถานการณ์ในประเทศเมียนมาร์ปกติ เราก็จะดำเนินการผลักดันกลับทันที ตามช่องทางที่ถูกต้องฉะนั้นพื้นที่เราเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหมือนกับอีกหลายพื้นที่”
ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 /ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี/ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา กล่าวและว่า ในวันที่ 17 มีนาคม 2564 นี้ ทางท่านผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ณรงค์พันธื จิตต์แก้วแท้ จะเดินทางมาตรวจพื้นที่ในพื้นที่ของจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร เพื่อดูการเตรียมความพร้อมของพื้นที่และสถานที่เพื่อรองรับการเดินทางเข้ามาของประชาชนชาวเมียนมาร์
เพราะฉะนั้นประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องกังวลสถานการณ์ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งถ้าเกิดมีการทะลักเข้ามาไม่ว่าจะเป็นไทยหรือคนเมียนมาร์หรือกลุ่มใดก็ตามเรามีแผนพร้อมรับมืออยู่แล้ว
“ไม่มีการหลุดรอดไปตามแนวชายแดนออกไปได้ เรามีขั้นตอน เรามีกระบวนการดำเนินการอยู่”ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 /ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี/ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา กล่าว