นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป โดยยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ เพื่อรองรับการเปิดประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะเปิดให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ ที่เข้ามาทำงานตาม MOU ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้งแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานแบบไปกลับ หรือตามฤดูกาล มาตรา 64 เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ตามแนวทางของ ศบค.
อย่างไรก็ตาม แต่ก่อนที่แรงงานจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายจ้างจะต้องซื้อประกันสุขภาพให้แรงงานข้ามชาติ และหลังเดินทางเข้ามาจะต้องตรวจสุขภาพ 6 โรค ตามกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ และโรคต้องห้าม รวมทั้งตรวจ ATK หากไม่พบเชื้อโควิด-19 ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อรับใบอนุญาตทำงาน จากนั้นนายจ้างสามารถรับเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย หากพบเชื้อโควิด-19 กรณีเป็นกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ กรณีสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาล ในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
รมว.แรงงาน บอกอีกว่า สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ต้องการจ้างแรงงาน 3 สัญชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย ปัจจุบันไม่ได้มีความยุ่งยาก เช่นช่วงก่อนผ่อนคลายมาตรการแล้ว การปรับมาตรการของ ศบค.ในครั้งนี้ จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และลดปัจจัยที่ทำให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองเพื่อทำงานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งล่าสุดมีการยื่นดีมานต์ขออนุญาตจ้างคนต่างด้าวตามระบบ MOU แล้ว 236,012 คน โดยแบ่งเป็นนายจ้างที่มีความต้องการจ้างแรงงานสัญชาติเมียนมา 165,376 คน กัมพูชา 52,428 คน และลาว 18,208 คน ซึ่งแรงงานทั้ง 3 สัญชาติมีการทยอยเข้ามาทำงานตาม MOU แล้วอย่างต่อเนื่องกว่า 1 หมื่นคน ในส่วนแรงงานข้ามชาติตามมาตรา 64 มีการเดินทางเข้ามาทำงานและขออนุญาตทำงานแล้วกว่า 2 หมื่นคน
ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปรับมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจ ว่า ด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และการปรับลดมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามมาตรา 64 ดังนี้
1.การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU)
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1). ให้แรงงานแสดงเอกสารหลักฐานที่ยืนยันหรือแสดงว่ามีนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างชาติเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับแรงงานเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร (Name List)
2). หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด – 19
3). กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 ครอบคลุมความคุ้มครอง ในวงเงินไม่น้อยกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ
4). นายจ้างแจ้ง วัน เวลาเดินทางที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างล่วงหน้า
มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
แรงงานต่างข้ามชาติสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยหากรับวัคซีนครบโดส หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT – PCR หรือ ATK Professional Use ใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง สามารถตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 2 ปี ตรวจสุขภาพ 6 โรค ตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK หากไม่พบเป็นโรคต้องห้าม 6 โรค และไม่พบเชื้อโควิด-19 แรงงาน 3 สัญชาติจะเข้ารับการอบรม ณ ศูนย์แรกรับฯ รับใบอนุญาตทำงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด และเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย
ส่วนกรณีพบเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ หากมีอาการกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป
ขณะเดียวกัน กรณีแรงงานข้ามชาติที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จากนั้นดำเนินการเช่นเดียวกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส
ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย กรณีที่ตรวจพบเชื้อให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลซึ่งในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
2.การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามมาตรา 64
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1.) นายจ้างยื่นแบบแจ้งบัญชีรายชื่อแรงงานข้ามชาติ (ม.64) ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด
2.) แสดงหนังสือผ่านแดน (Border Pass)
3.) หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19
4.) กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 หรือหลักประกันอื่น
มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
แรงงานข้ามชาติสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก กาญจนบุรี ระนอง จันทบุรี สระแก้ว ตราด สุรินทร์ และ ศรีสะเกษ เมื่อเดินทางข้ามแดนเข้ามาจะผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ซักประวัติสุขภาพแรงงานข้ามชาติ โดยการคัดกรองอาการทางเดินหายใจ และวัดไข้ กรณีแรงงานข้ามชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT–PCR หรือ ATK Professional Use ใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง ให้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK
กรณีฉีดวัคซีนไม่ครบโดส ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี ATK ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และตรวจโรคห้าม 6 โรค กรณีไม่พบเชื้อโควิด-19 และไม่พบโรคห้าม 6 โรค เจ้าหน้าที่จะตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 30 วันต่อครั้ง และออกใบอนุญาตทำงาน 3 เดือน และสามารถเข้าทำงานในสถานประกอบการได้ กรณีพบเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ หากมีอาการกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป