เช้านี้ที่หมอชิต – เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ถือบัตรประชาชนปลอม พร้อมผู้นำพา ซึ่งถือบัตรคนไทยพลัดถิ่น ขณะกำลังนำแรงงานไปส่งในจังหวัดชุมพร
ทหารหน่วยเฉพาะกิจทหารราบที่25 กองกำลังเทพสตรี ประจำด่านตรวจความมั่นคงบนถนนเพชรเกษม รอยต่อจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร ตรวจรถกระบะคันหนึ่ง ป้ายทะเบียนจังหวัดสงขลา ขณะกำลังมุ่งหน้าไปจังหวัดชุมพร ภายในรถพบหญิง อายุ 42 ปี ซึ่งถือบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือ ชาวไทยพลัดถิ่น เป็นคนขับรถ โดยมีแรงงานประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 4 คน เป็นหญิง 3 คน และชาย 1 คนนั่งโดยสารมาในรถกระบะด้วย
เจ้าหน้าที่ได้ขอดูบัตรประจำตัวของแรงงานประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด พบว่าแรงงานหญิง 3 คน ถือบัตรประจำตัวประชาชนคนไทยออกมาแสดง เพื่อหวังตบตากับเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ ทั้งที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ส่วนแรงงานชาย ถือเอกสารประจำตัวที่หมดอายุแล้ว
หญิงอายุ 42 ปี คนขับรถกระบะ ให้การว่า ตัวเธอเองเป็นชาวเมียนมา ที่เข้ามาทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีนานแล้ว จนสามารถถือบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือชาวไทยพลัดถิ่น เพื่อรอการพิสูจน์สัญชาติเป็นคนไทย ก่อนหน้านี้ เคยกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำพาแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักรไทยแล้วครั้งหนึ่ง หลังถูกดำเนินคดีเสร็จสิ้นได้ถูกส่งกลับประเทศ แต่ลักลอบเข้ามาอาศัยอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี แล้วทำตัวเสมือนเป็นคนไทยคนหนึ่ง ทั้งการแต่งตัว และคำพูดจา ดูไม่เหมือนชาวเมียนมา
ส่วนการนำแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน 4 คน เข้าประเทศมาโดยผิดกฎหมาย หญิงอายุ 42 ปี ให้การว่าได้รับการว่าจ้างจาก ชาวเมียนมา ให้มารับแรงงานทั้งหมดไปส่งที่โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลวังใหม่ อำเภอเมืองชุมพร โดยได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท ก่อนขึ้นรถเธอได้นำบัตรประจำตัวประชาชนไทย ให้ชาวเมียนมาติดตัวไว้ เพื่อแสดงเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจบัตร แต่ก็มีถูกเจ้าหน้าที่จับได้
เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 และได้ตั้งข้อกล่าวหา หญิงอายุ 42 ปี ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ให้คนต่างค้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติคต่อ //ส่วนแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 4 คน แจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าว เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ก่อนควบคุมตัวส่ง ตำรวจสภ.ปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป